2554-04-23

รีวิว Samsung Galaxy Tab แบบสบายๆ ฉบับ นาย @chiisaii

สวัสดีครับ กลับมาพบกับกระผมอีกครั้ง นาย @chiisaii ครับ หลังจากกระผมที่เขียนบทความอะไรต่อมิอะไรมาซักพัก แต่ดันลืมเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไปเสียสนิท โดยสิ่งนี้ผมขอเกริ่นก่อนเลยครับว่า มันเป็นอุปกรณ์ที่ผมซื้อมาเอาไว้ใช้เพื่อการเขียนบทความ และอ่าน e-book ซะด้วย แถมเพิ่งซื้อมาไม่นานนี้เอง นั่นก็คือ การรีวิวเจ้า Galaxy Tab นั่นเอง


ซึ่งในขณะที่ผมเขียนบทความนี้อยู่นั้นก็ใช้เจ้า Galaxy Tab เขียนอยู่ซะด้วย และผมจะเอาจัดทุกส่วนโพสต์ขึ้น Blog ด้วยเจ้านี่ทั้งหมด หลายๆ ท่านที่นั่งอ่านบทความผมอยู่คงจะงงกันเป็นไก่ตาแตกเลยนะครับว่า "แล้วรูปล่ะครับพี่น้อง" แหะๆ โปรดอย่าตกใจครับ อันนั้นถือเป็นข้อยกเว้นครับ ผมจะถ่ายรูปทีหลังแล้วก็อัพขึ้นไปแปะอีกทีก็เป็นอันเสร็จครับ อิอิ


เอาละครับทีนี้ก็มาดูรีวิวเจ้า Galaxy Tab กันมั่งดีกว่าว่ามันมีอะไรดีบ้าง แตกต่างจาก iPad ที่หลายท่านรู้จักเป็นอย่างดีรึเปล่า


เริ่มแรกเลยนะครับ ต้องบอกก่อนเลยนะครับว่า Samsung Galaxy Tab นั้นเป็น Tablet เครื่องแรกผลิตโดยบริษัท Samsung เอง ... หน้าตามีขนาดเพียง 7" ซึ่งถ้าเทียบกับ iPad เอง มันมีขนาดเล็กกว่าเยอะพอสมควร ระบบปฏิบัติการ (OS) Android Froyo 2.2 และ CPU (ARM Cortex A8) มีขนาด 1 GHz


ส่วนกล้องมีทั้งหน้า และหลัง โดยกล้องหน้ามีขนาด 1.3 ล้านพิกเซล และกล้องหลังมีขนาด 3 ล้านพิกเซล หน่วยความจำ RAM 512 MB ตัวเครื่อง 16 GB และการ์ดหน่วยความจำใช้ microSD ความจุสูงสุดสามารถจุได้ 32 GB


ตัวหน้าจอเป็นระบบสัมผัส Multi-Touch TFT-LCD 1024 x 600 พิกเซล ขนาดของตัวเครื่อง กว้าง 12 ซม. ยาว 19 ซม. หนา 11.98 มม. น้ำหนัก 380 กรัม (เกือบ 4 ขีด) ตัวเครื่องเป็นพลาสติกแข็ง ด้านหลังสวยงาม


ข้อดีของเจ้าเครื่องนี้ออกแบบมาให้เป็นทั้งพกพาสะดวก และอ่านหนังสือหรือมองอะไรในนี้ได้ชัดสบายตา ซึ่ง iPad เองจะมีปัญหาในเรื่องของการพกพาที่ค่อนข้างลำบาก และเรื่องโทรศัพท์เอง เจ้า Galaxy Tab มี Feature นี้ไปเต็มๆ ครับ กล่าวคือ ใช้ได้ทั้ง Hand Free และ โทรแบบปกติได้ เพียงแต่จะมีเสียงเล็ดลอดออกมาทางลำโพงของมันเองครับ ซึ่งอาจจะกระทบคนข้างๆ เค้านิดหน่อย แนะนำใช้ Hand Free จะดีกว่าครับ


โดยภาพรวมของเจ้า Galaxy Tab ถือว่า ชนะใจผมไปเต็มๆ ในเรื่องของขนาดที่เล็กกว่า และสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง มากกว่า iPad ในเรื่องของการเปิด Folder จะย้ายไฟล์ไปไหนมาไหนก็สะดวกกว่า แถมในเรื่องของราคาที่ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่คนทั่วไปสามารถซื้อได้ (ลดลงมาเหลือ 14,900 บาท เมื่อต้นเดือนเมษายน จากที่เปิดตัว 22,900 บาท ในช่วงปลายปีที่แล้ว) เลยทำให้ผมตัดสินใจซื้อเจ้า Galaxy Tab โดยไม่รีรอเลยครับ


ก่อนอื่นก็มาดูที่รูปข้างล่างกันซักเล็กน้อยครับ ตั้งแต่แกะกล่องกันเลย :)

เริ่มด้วยกล่องงามๆ ครับ ถือว่าทำ Packaging ได้สมราคา



เสร็จแล้วก็เปิดฝามันออกมา เห็นแล้วงามมากๆ



มาชมอุปกรณ์ภายในที่แถมมาให้กับเครื่องครับ ยอมรับว่ามันดีกว่า iPad ตรงที่มีให้ทั้ง หูฟัง Hand Free และตัวปลั๊ก Charger พร้อมสาย USB เนี่ยแหละครับ



มาดูด้านหน้าเครื่องกันบ้าง โดยเทียบขนาดกับเจ้า iPod Touch และ BB



ด้านข้างของเครื่องครับ (เทียบกันทั้ง 3 ตัว)



ด้านหล้งของเครื่องครับ (เทียบกันทั้ง 3 ตัว)



ตัวเครื่องพร้อม ซอง และตัวกันกระแทก (ต้องซื้อแยกครับ)



หน้าตาหลังเปิดเครื่อง แจ่มมากตามสไตล์ Samsung ดูแล้วสบายตา





ตัวเมนูด้านในครับ เอานิ้วเลื่อนไปมาได้เหมือน iPad



หน้าตาคีย์บอร์ดของเค้าครับ ภาษาไทยอาจดูงงงวยเล็กน้อย วิธีพิมพ์ต้องกดซ้ำบนแป้นเสมือน เพื่อเปลี่ยนตัวอักษร ถ้าทนไม่ไหวแนะนำให้ดาวน์โหลดคีย์บอร์ดไทย 4 แถวปกติเปลี่ยนได้ครับ



มาดูทางด้านอ่านหนังสือกันบ้างครับ อ่าน e-book สบายตามากมาย



มีแอปคลังหนังสือให้โหลด e-book ใส่ได้ด้วย



ส่วนเรื่องหนังสือพิมพ์ และนิตยาสาร ก็สามารถไปหาอ่านได้ที่ Reader Hub



จะอ่านข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ ก็แจ่มมากมายครับ เห็นชัดเจน ย่อ-ขยายได้ เหมือน iPad





สุดท้ายเรื่องความบันเทิง ก็ไม่แพ้ iPad ครับ เล่นเกมส์จอใหญ่มันส์สะใจ



ทั้งหมดก็เป็นเพียงการรีวิวแบบสบายๆ ไม่เครียด พร้อมรูปมากมาย เพื่อให้ผู้อ่านที่กำลังสนใจเจ้า Galaxy Tab ได้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้นครับ โดยส่วนตัวผมแล้ว ถือว่าซื้อเครื่องนี้มาใช้คุ้มค่าแน่นอนครับ ทำได้เกือบทุกอย่างไม่แพ้โน๊ตบุ๊คเลยครับ ... สุดท้ายนี้ก็พบกับกระผม นาย @chiisaii ได้ใหม่ในบทความหน้านะครับ สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น: