2554-03-25

บทความดีๆ มาฝาก: เตรียมตัวต้อนรับนักธุรกิจญี่ปุ่น

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และสึนามิครั้งที่แล้วที่ญี่ปุ่น ทำให้ทั่วโลกต่างหาวิธีป้องกัน และเตรียมตัวรับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างมากมาย จนกลายเป็นเทรนด์ไปโดยปริยาย

และล่าสุดเมื่อคืน ที่พม่าก็เจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวราวๆ 7 ริกเตอร์ แถมยังกระเทือนมายังเชียงราย-เชียงใหม่ ไล่มายังกรุงเทพฯ เพียงเล็กน้อย (อยู่ตึกสูงรับรู้ได้) ก็ถือเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่ทำให้บ้านเราต้องปรับตัว ป้องกัน มีวินัยและสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เอาไว้มากๆ นะครับ เลยถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้นำบทความน่ารู้ของ คุณนงค์นาถ ห่านวิไล(nongnat@nationgroup.com - หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 25/3/2011) มาให้อ่านกันครับ ซึ่งหัวข้อจะออกเป็นแนวๆ Business แต่หลังจากได้อ่านแล้ว มันมีอะไรที่ลึกซึ้งมากๆ ครับ ที่เราควรเอาเยี่ยงอย่าง เริ่มต้นที่จะทำยังไม่สายครับ เพราะมันถึงเวลาที่ควรจะเริ่มได้แล้วครับ เอ้า ! มาดูบทความเลยกันดีกว่าครับ

เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิถล่มญี่ปุ่น เป็นโศกนาฏกรรมช็อกโลก ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เมืองเซนไดและมณฑลอิวาเตะ แต่คลื่นสึนามิกระทบชายฝั่งญี่ปุ่นทั้งหมด และสิ่งที่มากระหน่ำซ้ำเติมคือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในเมืองฟูกูชิมาระเบิด ซึ่งส่งผลความเสียหายในวงกว้างกว่าที่คาดคิด

แต่เชื่อแน่ว่า วินัย และความเสียสละเพื่อส่วนรวม เป็นสองจุดเด่นที่คาดว่าจะทำให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวเร็ว

ญี่ปุ่นเป็นชาติตัวอย่างโลก ดูจากหลังจากแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945 ที่ใช้เวลาไม่เกิน 50 ปีมุ่งมั่นพัฒนาประเทศจนกลายเป็นมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจของโลก และเป็นชาติเดียวที่เป็นเจ้าหนี้สหรัฐอเมริกา

ในช่วงปี 1950 ญี่ปุ่นเคยเลียนแบบสินค้าสหรัฐอเมริกามาก่อน แต่ในเรื่องคุณภาพก็โดนต่อว่าในเรื่องความคงทนและเสียง่าย แต่ญี่ปุ่นก็มีความมุมานะในแบบ "หนักเอาเบาสู้" และความเป็นเจ้าระเบียบ และคนมีวินัย ทำให้พัฒนาเร็ว

พงษ์เดช ศรีวชิรประดิษฐ์ นักเรียนเก่าจากญี่ปุ่น ปัจจุบันเขาคือ ผู้จัดการทั่วไปส่วนบริหารธุรกิจ บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด วิเคราะห์ผลกระทบและอนาคตของญี่ปุ่นหลังจากนี้ว่า เชื่อมั่นว่าญี่ปุ่นจะฟื้นตัวได้เร็ว จากสิ่งที่เรียนรู้ได้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

"เราเพิ่งพาพนักงาน 15 คนกลับจากเมืองไซตามะ ซึ่งลำบากมาก ต้องนั่งรถธรรมดาจากไซตามะไปที่เมืองฮาเนดะ เพื่อต่อเครื่องบินไปทีตอนใต้ของเมืองฟูกูโอกะ แล้วจึงขึ้นเครื่องบินกลับมาประเทศไทย แต่ปรากฎว่าสิ่งที่ทำให้พนักงานทุกคนประทับใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่คือ ภาพของคนญี่ปุ่นนับพันยืนต่อคิว เพื่อซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างมีวินัย และถ้าเห็นเด็ก สตรี คนชรามาเข้าคิว ผู้ชายที่แข็งแรงกว่าก็จะให้เด็กับคนแก่ก่อน ทั้งที่พวกเขาทุกข์สุดๆ หิวสุดๆ

พงษ์เดช ยังมองว่า ความแข็งแกร่ง ความมีวินัย และการเสียสละเพื่อส่วนรวมของคนญี่ปุ่น จะทำให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวจากวิกฤติครั้งนี้ได้เร็ว ส่วนหนึ่งเพราะ เศรษฐกิจฐานรากของประเทศก็ยังดีอยู่ แม้หนี้สาธารณะจะสูงมากที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก แต่การเป็นหนี้ของญี่ปุ่นนั้นเป็นหนี้ในประเทศ และแบรนด์ญี่ปุ่นติดตลาดโลกแล้ว การจะผลิตสินค้าและบริการใดออกมาก็สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศตลอดเวลา

ในส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์ ต้องยอมรับว่าส่งผล "กระทบ" แต่ไม่ถึงกับ "กระเทือน" เพราะเมื่อมีเหตุการณ์ฮอนด้า โตโยต้า ซูซูกิ มิตซูบิชิ ยามาฮ่า แม้จะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ แต่เมื่อเกิดเหตุวิกฤติทุกค่ายก็มานั่งคุยกัน เพื่อหาทางออกและรักษาอุตสาหกรรมที่เป็นหน้าตาของประเทศเอาไว้

นี่คืออีกความโดดเด่นของคนธุรกิจญี่ปุ่น

ผู้บริหารฮอนด้า แนะนำประเทศในเอเชีย รวมทั้งไทยจะต้องเร่งเตรียมความพร้อมและลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานรองรับการย้ายฐานของอุตสาหกรรม เพราะการลงทุนใหม่ของญี่ปุ่น นับจากนี้ไปจะมีต้นทุนสูง และยังมีความเสี่ยงเรื่องภัยพิบัติ ไทยเราในฐานะพันธมิตรที่ดีของญี่ปุ่นต้องเพิ่มขีดความสามารถเพื่อรองรับโอกาสธุรกิจครั้งใหญ่ ของการย้ายฐานทางธุรกิจ อุตสาหกรรม ในหลายๆ แขนง ที่จะเห็นความเคลื่อนไหวในอีกไม่นาน

สุดท้าย ขออาสาแนะนำ คนไทยให้เรียนรู้บทเรียนในครั้งนี้ เพราะคงไม่มีใครมาถล่มประเทศให้ได้เรียนรู้ คนไทยต้องรู้จักปรับตัวจริงจัง หลังจากพูดกันบนเวทีต่างๆ มามากแล้ว ต้องหันมาลดการทำลายสิ่งแวดล้อม มีความรักชาติ และรักให้ถูกทาง หมดเวลาที่จะมาทะเลาะกัน ควรอาศัยจังหวะแบบนี้มาพัฒนาประเทศซะที


หวังว่าขอให้คนไทยได้รับรู้ เข้าใจ และร่วมปฏิบัติกันนะครับ ^ ^

2554-03-24

ว่าด้วยเรื่องของ Mind Mapping App สำหรับมือถือ

สวัสดีครับ ช่วงนี้มีงานที่บ้านเข้ามาถมกันพอสมควร (แบบไม่ทันได้ตั้งตัว) เลยจึงจำเป็นต้องเลื่อนเขียนบทความไปซักระยะ แต่คราวนี้เห็นโอกาสอันดีที่กระผม นาย @chiisaii ได้กลับมาเขียนกันอีกครั้งกับช่วงครั้งที่แล้วที่ค้างกันไว้กับหัวข้อเรื่อง Mind Mapping กันนะครับ

เรื่องนี้คงมีหลายท่านได้รู้กันไปบ้างแล้วนะครับว่า อะไรคือ Mind Mapping แต่ก็ยังมีหลายคนยัง "งงงวย" กับการใช้งานของมันอยู่ว่า มันจะเริ่มอย่างไรดี และมันจะเอาไปใช้ทำอะไรกัน ... ซึ่งตัวผมเองจริงๆ ช่วงแรกๆ ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ แต่พอดีดันไปสะดุดตาเห็นข้อความทวิตของพี่ @pawoot เค้าเกี่ยวกับการนำเสนอ Mind Mapping Application Software ตัวนึง เลยทำให้เกิดแรงบัลดาลใจให้เขียนคอลัมน์นี้ขึ้นมา ก็ขอขอบคุณพี่เค้ามากๆ ครับ ที่ได้ให้ความรู้กับน้องๆ ชาวทวิตภพไว้มากมายครับ

Mind Mapping คืออะไร จิงๆ มาจากคำว่า Mind Map ครับ ซึ่งหมายถึง Diagram อย่างหนึ่งที่อธิบายวิธีคิดของเราที่จะทำอะไรในใจอย่างหนึ่งลงในกระดาษ โดยเริ่มจากศูนย์กลางของเรื่องที่เราจะเริ่มทำก่อน แล้วก็ลากเส้นโยงขยายไปในเรื่องย่อยๆ ที่เราต้องการจะทำ ถือเป็นการระดมความคิดส่วนตัวที่ดีเยี่ยม และมีการเชื่อมโยงประติดประต่อความคิดของเราเองอย่างมีแบบแผน โดยประโยชน์ของมัน ถ้าเราทำเป็น มันจะทำใ้ห้เราคิดที่จะทำงานใหญ่ๆ ได้อีกในภายภาคหน้าได้อีกด้วยครับ ... ซึ่งดีกว่าเราคิดไปวันๆ และก็ไม่ประติดประต่อ สุดท้ายงานก็ไม่ขึ้นแล้วก็ล้มเหลวในที่สุด (หาอ่านได้ที่นี่ครับ http://www.mindmapping.com/ หรือ http://en.wikipedia.org/wiki/Mind_map)

สิ่งที่พี่ @pawoot เค้านำเสนอตัว Mind Mapping Application Software ไปนั้น จะเป็นตัวที่นำไปใช้กับเครื่อง PC หรือ Mac ซักส่วนใหญ่ แต่ตัวผมเองเป็น Mobile User โดยปกติ จะขอนำเสนอในส่วนของ Mobile มั่ง ซึ่งหลายๆ คนก็นึกกันอยู่แก่ใจไปแล้วล่ะครับว่า มันคงหนีไม่พ้นจาก "น้องไอ" (iPhone) หรือไม่ก็ "น้องแอน" (Android) นั่นเอง ... ซึ่งแล้วแต่ชอบนะครับ โดยช่วงแรกผมก็ได้ลองเจ้า App ทางฝั่งน้องไอ มาสองตัวครับ โดยทางของน้องแอนก็มี App ที่ว่านี้อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ Feature มันขาดๆ ไปนิดหน่อย เดี๋ยวจะอธิบายของน้องแอนในช่วงหลังก็แล้วกันครับ ... งั้นเรามาดูทางฝั่งน้องไอกันก่อนดีกว่า

ทางฝั่งน้องไอ ผมได้ลงเจ้า Mind Mapping App มาสองตัวครับ โดยตัวแรกจาเป็นเจ้า MindMeister และ SimpleMindX ครับ ซึ่งเจ้า App สองตัวนั้น สามารถไปดาวน์โหลดได้ฟรี ที่ App Store ครับ

โดยเจ้าสอง App ที่ว่าหน้าตาเป็นอย่างงี้ครับ (ทางซ้าย MindMeister ส่วนทางขวา SimpleMindX)



เจ้า App สองตัวนี้มันต่างกันอย่างไร ทำไมผมต้องโหลดมาด้วยล่ะ มันเป็นอย่างงี้ครับ เพราะความต่างของมันเพียงเล็กน้อย ที่ผมโหลดมาลองเล่นดูนั่นเอง ซึ่งเจ้าตัวแรก (MindMeister) นั้นโหลดมาแล้วได้เข้าไปเล่นดู ได้พบกับความเจ๋งของ App มันว่า ทำได้ Advance มากๆ ครับ ซึ่งเข้ามาหน้า Menu ของ MindMeister หน้าตาเป็นอย่างงี้ครับผม



แล้วมาดูตัวอย่างด้านในกันครับ



โดย Feature ของมันเอง ถือว่าเหมาะสำหรับคนที่ชอบ Advance หน่อยน่ะครับ เพราะการโยงเส้นของ App นี้มันทำได้ง่ายมากเพียงแ่ค่ตอนเริ่มใหม่ ก็จะมี Center มาให้เราพิมพ์หัวเรื่องที่เราคิดจะทำ แล้วก็กดเพิ่ม เพื่อที่จะเพิ่มเส้นย่อยๆ ออกไปได้อีก โดยตัวแรกมันมีข้อดีที่ว่า สามารถ Share ให้กับเพื่อนๆ ในกลุ่มที่เล่น MindMeister ด้วยกัน ดูได้ด้วย แถมยังมีการ Export ไฟล์ในรูปแบบต่างๆ อาทิ PDF, PNG, RTF, Freemind, หรือ MindManager ได้อีก ตามรูปครับ



โดยภาพรวมแล้ว ข้อเสียของเจ้า App นี้ก็มีนิดหน่อยครับ คือ จะบังคับให้คุณไปลงทะเบียน Account ออนไลน์ โดยใช้ E-mail ของตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อนครับ แต่ก็สุขใจครับ ไม่จำเป็นต้องออนไลน์ตลอด เป็นแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้นเองครับ จากนั้นก็ใช้สะดวกแล้วก็เก็บไว้ในน้องไอได้เรย


ส่วนตัวที่สองนั้น เป็นตัวที่ผมชอบยิ่งกว่า (โดยส่วนตัว) เพราะมันใช้งานง่ายเลยทีเีีดียวครับ ไม่ค่อยยุ่งยาก ก็คือเจ้า SimpleMindX นั่นเองครับ โดยหน้า Menu มันจะเป็นแบบนี้ครับ ตามรูป



เห็นหน้าตาแบบนี้แล้ว ยอมรับว่าน่าใช้เลยทีเดียวสำหรับผู้เริ่มต้นที่จะหัดเขียน Mind Mapping ครับ ลองไปดูตัวอย่างเซริ์ฟๆ กันหน่อยดีกว่าครับ



ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมผมถึงชอบใช้ตัวนี้ เพราะมันง่าย และสะดวกกว่าน่ะครับ โดยข้อดีของ App นี้คือ จัดรูปแบบได้ไว ไม่ต้องยุ่งยาก และมีพิธีรีตรองอะไรมากมาย คุณจะเริ่มอันใหม่ก็เล่นได้ทันทีเลยครับผม แต่ข้อเสีย มันก็มีอยู่ กล่าวคือ มันจะต้องทำการ Link ไปยัง Application หลักบนคอมใหญ่อีกตัว คือ SimpleMind Desktop ครับ โดยรายละเอียดก็ไปที่เว็ปนี้ครับ http://www.simpleapps.eu/simplemind/desktop โดยปัญหาของเจ้า App นี้ ถ้าจะไปแชร์เข้าคอมใหญ่ หรือให้เพื่อนดู ไม่เหมาะครับ เพราะจะต้อง Sync ไปที่ Application Software ตัวนี้ก่อนนั่นเอง แถมมันยังให้เราโหลดแค่ Trial ได้เท่านั้นครับ โดย App นี้ซื้อจิงๆ อยู่ที่ 38.00 Euro เลยทีเดียว ... ก็ถือว่า ได้อย่างเสียอย่างครับ

โดยสรุปแล้ว App ที่ดูแล้วมีครบถ้วนแล้วน่าใช้จริงๆ ต้องขอยกให้ MindMeister ครับ ส่วนตัวหลัง มันเหมาะสำหรับ เอาไปใช้ดูส่วนตัวมากกว่า ... เอาล่ะครับ ไหนๆ ก็คงได้ข้อมูลกันจุใจกับทางฝั่งของน้องไอไปแล้ว คราวหน้าจะมาทางฝั่งของน้องแอนกันบ้างว่า มันจะเป็นอย่างไรกันหนอ อิอิ ^ ^

2554-03-13

ผ่านมาสองวันกับความเหนื่อยล้า และภัยธรรมชาติครั้งยิ่งใหญ่

ผ่านมาสองวันกับ Academic Advising และ Senior Project Final Defense ซึ่งเป็นวันที่ยอมรับว่าเหนื่อยสุดยอดครับ โดยเฉพาะวันหลังต้องเผชิญกับกลุ่มนักศึกษาจบถึง 3 กลุ่ม ผลงานในเทอมนี้ดีไม่ดีอย่างไร เจ้าตัวในแต่ละกลุ่มที่ทำก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วครับ ยังไงๆ ก็ขอภาวนาให้ผ่านพ้นไปอย่างด้วยดี และสิ่งที่ขาด และไม่ค่อยจะเข้าใจอะไร หรือแม้แต่การสื่อสาร และประสานงานต่อ ก็ขอให้นักศึกษาที่ทำโปรเจคจบไป เอาไปเป็นประสบการณ์ในการใช้งานจริงในอนาคตด้วยนะครับ

และในวันแรกช่วงบ่าย เวลาพัก ผมได้นั่งเปิดทวิตเตอร์มาดู ได้พบเหตุการณ์อย่างน่าตกใจเกิดขึ้นที่แดนอุทิศอุทัย นั่นก็คือ "แผ่นดินไหว" และ "ซึนามิ" ซึ่งก็วิ่งหรี่มาดู Youtube แล้วก็เจอภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเห็นคลื่นถล่มเข้ามาทำลายบ้านเมืองมหาศาล ซ้ำยังเจอโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดอีก แถมยังเกิด Aftershock กระหน่ำซ้ำยังไม่วาย ซึ่งตัวเองอยู่เมืองไทย ยอมรับว่าโชคดีมากครับ ประเทศเรานั้นบุญใหญ่เหลือล้น แต่ก็ประสบปัญหาการเมืองที่ไม่ค่อยจะเข้าท่าซักเท่าไหร่ โดยเราเห็นตัวอย่างจากที่โน่นแล้ว ก็อยากให้รักและช่วยเหลือกันในประเทศนี้ให้มากๆ ครับ และก็อย่าประมาทเช่นกัน หาคู่มือปฎิบัติเมื่อเกิดแผ่นดินไหวมาอ่านก็ดีนะครับ ซึ่งจะเป็นการดีอย่างมากเลย "กันไว้ดีกว่าแก้" ครับผม

สุดท้ายนี้ทาง Blog ผม จะทำการเปลี่ยนหน้าตาใหม่ และจะเอาข่าวสารที่เป็นประโยชน์ และเรื่องน่ารู้ มาลงไว้ที่นี่เรื่อยๆ ครับ และมีทวิตเตอร์ส่วนตัว เผื่อใครสนใจจะมา Follow เพื่อ พบปะหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ก็มา Follow @chiisaii ได้เลยครับ

ครั้งหน้า จะมาพูดถึงเรื่อง Mind Mapping และประโยชน์ของมันกันต่อนะครับผม

JC (@chiisaii)

2554-03-10

ชีวิตชิวๆ

เมื่อคืนเผลอหลับไปเรย หลังจากนอนอ่านหนังสือบน iPod Touch สงสัยคงต้องหา iPad 2 มาอ่านแทน (ฮา) ช่วงนี้จะเป็นช่วงปิดเทอมครับ แต่ก็ต้องเคลียร์งานตกค้างที่เหลือ 2 งานอย่าง Academic Advising และ Senior Project Final Defense และหลังจากนั้น ผมจะมาเริ่มลุยโปรเจคส่วนตัวเป็นเรื่องเป็นราวแล้วล่ะครับ

JC