2553-10-27

ลิขิตฟ้า รึจะสู้ มานะตน

เอาบทความดีๆ มาฝากครับ น่าอ่านมากๆ

เจาะใจดีลเลอร์ขายรถขั้นเทพ จบ ป.5 ดัน โตโยต้าดีเยี่ยม ใหญ่สุดในเอเชีย!

ท่าม กลางวิกฤตของแบรนด์ โตโยต้า ทั่วโลกที่ต้องเรียกคืนรถยนต์หลายรุ่นนับล้านคันมาแก้ไขข้อบกพร่อง แต่ที่ประเทศไทย โตโยต้า ยังครองยอดขายอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะ โตโยต้าดีเยี่ยม อุบลราชธานี ของเสี่ย สมชาย เหล่าสายเชื้อ เจ้าของโชว์รูมใหญ่ที่สุดในเอเชีย เบื้องหลังความสำเร็จ หนุ่มเมืองจันท์ แห่ง ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ (คอลัมภ์นิสต์)จะเล่าให้ฟัง
"หนุ่มเมืองจันท์" เล่าว่า ผมเพิ่งกลับจากงาน "MICT สร้างคน สร้างชาติ" ที่จังหวัดอุบลราชธานี
ผมคุยกับ "สมชาย เหล่าสายเชื้อ" เจ้าของ "โตโยต้าดีเยี่ยม" ดีลเลอร์ขายรถโตโยต้ารายใหญ่ของอุบลราชธานี

บอกตรงๆ ว่าไม่รู้จัก
ตอนอ่านข้อมูลของ "สมชาย" ที่ทีมงานส่งมาให้ก็เริ่มสนใจมากขึ้น
แต่พอได้เจอตัวจริง ยิ่งคุยยิ่งตะลึง
...ไปอยู่ที่ไหนมา
เป็นความรู้สึกเหมือนตอนที่ผมคุยกับ "หมวย" ศิริญา เทพเจริญ ของ "ณุศาศิริ"
"โตโยต้าดีเยี่ยม" เป็นโชว์รูมของโตโยต้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 22 ไร่เศษ ใช้เงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาท
และกำลังขยายไปอีก 60 ไร่

แต่ความยิ่งใหญ่ของ "โชว์รูม" นั้นไม่เท่ากับชีวิตของ "สมชาย"
ผม ชอบประโยคหนึ่งที่เขาบอกกับคณะกรรมการของ "โตโยต้า" ในช่วงการสัมภาษณ์ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการตัดสินว่าจะอนุมัติให้ "สมชาย" เป็น "ดีลเลอร์" ขายรถโตโยต้าหรือไม่
"ผมไม่มีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่น ผมมีเพียงแค่ใจที่เหนือคน"
"ขนาดหัวใจ" ของ "สมชาย" คนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ

"สมชาย" จบแค่ ป.5

ตอนเรียนนั้น เขามีคุณสมบัติพิเศษเหนือกว่าเด็กนักเรียนคนอื่นตรงที่
เรียนชั้นละ 2 ปี
จนถึง ป.5 ครูประจำชั้นทนไม่ได้ ต้องแอบเอาข้อสอบมาให้ที่บ้าน
กลัวว่าเขาจะสอบตก
"สมชาย" ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน ไปทำงานตามร้านขายของชำ ขายหนังสือพิมพ์ ฯลฯ
ทำทุกอย่างที่ได้เงิน
เขาเป็นคนสู้งาน ทำงานที่ไหนเถ้าแก่ก็รัก
วันหนึ่ง เขาไปทำงานที่บริษัทเสริมสุข ส่ง "เป๊ปซี่" ตามร้านต่างๆ ในจังหวัดอุบลฯ
ทำงานไม่กี่เดือน เขาก็ได้เป็น "พนักงานขายดีเด่น" ที่ทำยอดขายสูงสุดในประเทศไทย
1,200 กว่าลังต่อวัน
จำนวนลังที่ขายได้ต่อวันมากกว่าปริมาณที่รถจะบรรทุกได้
ครับ เขาขาย 2 รอบ
เคล็ดลับการขายของ "สมชาย" ก็คือ ออกรถเช้ากว่าคนอื่น
เขาออกรถตั้งแต่ตีห้า
11 โมงเขาก็ขายหมด

กลับมาบรรทุก "เป๊ปซี่" ใหม่อีกเที่ยวหนึ่ง แล้วตระเวนไปตามร้านอื่นๆ ต่อ
"ผมไม่ได้ขายแค่ร้านริมถนน แต่ในซอย หรือตามบ้าน ผมก็ส่ง"

3 ปีผ่านไป เขาก็ยังรักษาสถิตินักขายดีเด่นเอาไว้ได้
ซึ่งตามหลักเขาควรจะได้รับการโปรโมตในตำแหน่งที่สูงขึ้น
แต่ "สมชาย" ไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่าตำแหน่งผู้จัดการนั้นต้องมีอายุ 36 ปีขึ้นไป
"สมชาย" ตัดสินใจลาออก
และเดินตามความฝันในวัยเด็กของเขา
เขาชอบ "รถยนต์"
"สมชาย" เดินไปสมัครงานที่ "โตโยต้าอุบลราชธานี" ดีลเลอร์ขายรถโตโยต้าเก่าแก่ในเมืองอุบลฯ
คำถามแรกที่เจอก็คือ "จบอะไรมา"
พอบอกว่า ป.5
เถ้าแก่ก็ปฏิเสธ
"ตอนนี้เขารับแต่ ปริญญาตรี หรือ ปวส."
"สมชาย" รู้ว่าคุณสมบัติสู้ไม่ได้ เขาจึงยื่นข้อเสนอใหม่
เป็นข้อเสนอแบบ "ก๊อดฟาเธอร์"
"นี่คือ ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้"
"ก๊อดฟาเธอร์" นั้นใช้บารมีหรือความเหี้ยมโหดทำให้คนฟังต้องสยบยอม
แต่ข้อเสนอของ "สมชาย" เป็นข้อเสนอที่คนฟังไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร

ข้อเสนอของเขามี 3 ข้อครับ
1.ทำงานอะไรก็ได้
2.เงินเดือนเท่าไรก็ได้
และ 3.ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด

"คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้ามีคนเสนอเงื่อนไขแบบนี้" คุณสมชายถามผมบนเวที
...ทำงานอะไรก็ได้ เงินเดือนเท่าไรก็ได้ และทำงานไม่มีวันหยุด
"แบบนี้ต้องมาปล้นแน่ๆ เลย" ผมตอบ
...มุข ครับ มุข

"เถ้าแก่" คนไหนเจอคนมาสมัครงานแล้วเสนอเงื่อนไขแบบนี้ อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้สึกว่าไอ้เด็กคนนี้มันต้องขยัน และตั้งใจจริงอย่างแน่นอน
นั่นคือ เหตุผลที่ "เถ้าแก่" ตัดสินใจรับ "สมชาย" เข้าทำงาน
เริ่มต้นงานแรกด้วยการปัดกวาดรถและทำทุกอย่างที่ "เถ้าแก่" ใช้
จนวันหนึ่ง "เถ้าแก่" สั่งให้เขาไปส่งรถให้ลูกค้าที่ยโสธร
ให้เงินไป 30 บาท
2 ชั่วโมงหลังจากนั้นเขากลับมาพร้อมกับตังค์ทอน 13 บาท
ขับรถไปส่ง และนั่งรถโดยสารกลับมา
ไม่อู้ และซื่อสัตย์
เมื่อ โชว์รูมที่ยโสธรมีปัญหา "เถ้าแก่" จึงส่ง "สมชาย" ไปดูแล
3 เดือนแรกเขาขายไม่ได้เลยสักคันเดียว
แต่สิ่งหนึ่งที่ "สมชาย" ค้นพบก็คือ คนที่มีรถเก่า ส่วนใหญ่อยากซื้อรถคันใหม่ แต่จะซื้อได้ก็ต้องขายรถเก่าให้ได้ก่อน
"สมชาย" จึงใช้กลยุทธ์หาพ่อค้ารถมือสองมารับซื้อรถ
พอขายรถเก่าได้ เขาก็จะมาซื้อรถใหม่กับ "สมชาย"
ยอดขายรถโตโยต้าที่ยโสธรพุ่งขึ้นเรื่อยๆ
สิ้นปี "เถ้าแก่" จัดงานปีใหม่ และบอกกับพนักงานทุกคนว่าสาขาอุบลฯ นั้นอยู่รอดได้เพราะสาขายโสธร
"หนู" ช่วย "ราชสีห์"
"สมชาย" ทำงานที่ "โตโยต้าอุบลฯ" 15 ปี
เมื่อ "เถ้าแก่" เสียชีวิต เขาก็ตัดสินใจลาออก
เลิกเป็น "ลูกจ้าง" และเริ่มต้นชีวิต "เถ้าแก่" ตั้งแต่วันนั้น
เชื่อไหมครับว่าวันเปิดโชว์รูม "โตโยต้าดีเยี่ยม" เขาส่งจดหมายไปถึงผู้มีพระคุณ 5 คน

ขอเชิญมาร่วมงาน พร้อมกับ "ของขวัญ" ที่แทน "คำขอบคุณ"
เชิญเลือกรถโตโยต้า 1 คัน
รุ่นไหนก็ได้ เลือกได้เลย

"น้ำใจ" ที่ยิ่งใหญ่ของ "สมชาย" กลับได้รับ "คำตอบ" ที่งดงามยิ่งกว่า
งดงามอย่างไร ฉบับหน้าจะเล่าให้ฟังครับ
----------------------------------------------------------------
ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 12 ก.พ.53

สัมภาษณ์พิเศษ
กอง บ.ก.เส้นทางเศรษฐี

สมชาย เหล่าสายเชื้อ จบแค่ ป.5 กุมอาณาจักรพันล้าน ดีลเลอร์ "โตโยต้า" ใหญ่สุดในเอเชีย
"ผม ไม่ได้ขายรถถูกกว่าตัวแทนจำหน่ายอื่น แต่ลูกค้าประทับใจในบริการ พอมาจอดรถปั๊บ เจ้าหน้าที่จะประกาศว่าขณะนี้มีลูกค้าท่านนั้นท่านนี้มาออกรถใหม่ ขอให้พนักงานทุกคนที่ว่างเว้นจากการทำงานมาร่วมพิธีส่งมอบรถ ซึ่งมีพนักงานมาร่วมส่งเป็นร้อยครับ"

สม ชาย เหล่าสายเชื้อ เป็นเจ้าของโชว์รูมโตโยต้าดีเยี่ยม จังหวัดอุบลราชธานี นักธุรกิจภูธร ที่มีความรู้แค่ชั้น ป.5 รับงานทุกอย่างที่ขวางหน้าตั้งแต่เด็กล้างรถ คนขับรถน้ำอัดลม จนขยับขึ้นมาเป็นเซลส์แมน และมีความฉลาดเฉลียวชนิดหาตัวจับยากมาตั้งแต่เด็ก แม้ฐานะยากจนแต่ดิ้นรนสู้ชีวิตจนกลายเป็นเจ้าของโชว์รูมโตโยต้าใหญ่ที่สุดใน เอเชีย
คือตัวอย่างของความน่าสนใจ ที่อยากเชิญชวนห้ติดตาม...นับจากนี้

เซลส์ดีเด่น
เดินหน้าล่าฝัน

"ผม เป็นคนเรียนเก่งมาก คือเรียนชั้นละ 2 ปี" คุณสมชาย เปิดประเด็นด้วยการยิงมุขเรียกเสียงหัวเราะ ก่อนเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาแบบเปิดเผยว่า ตัวเขาความจำไม่ค่อยดี ลักษณะเหมือนคนความจำสั้น เรียนได้ไม่เกิน 10 นาที เริ่มรู้สึกเบลอคล้ายมีอาการผิดปกติทางสมอง เวลาสอบไล่ทีไร มักได้ลำดับบ๊วยอยู่เสมอ หรืออาจได้รองบ๊วยบ้าง ถ้าเทอมนั้นมีคนขาดสอบ
แต่ด้วยความที่ไม่เป็นเด็กเกเร คุณครูจึงเมตตานำข้อสอบมาให้ทำถึงที่บ้าน ไม่อย่างนั้นคงไม่จบ ป.5
เมื่อค้นพบว่าการเอาดีทางเรียนหนังสือคงลำบาก จึงตัดสินใจยุติการเรียนในระบบแล้วออกมาหางานทำ...ทำงานสุจริตทุกอย่างที่ได้เงิน
"ขาย มาแล้วแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ หัวอาหารสัตว์ ยาปราบศัตรูพืช ปุ๋ย ปลาร้า ยาเส้น หนังสือพิมพ์ กระทั่งน้ำอัดลม" คุณสมชาย เล่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนให้ข้อมูลน่าสนใจว่า ช่วงที่เขาทำงานอยู่กับ "เป๊ปซี่" ส่งสินค้าให้ตามร้านค้าในตัวจังหวัดอุบลราชธานีนั้น เคยได้รับรางวัลเป็นพนักงานขายดีเด่น ทำยอดขายได้มากที่สุดถึง 1,222 ลัง ต่อวัน
คู่สนทนาแทบตกเก้าอี้ เมื่อได้ยินสถิติของยอดขายดังกล่าว จึงถามไถ่ถึงเทคนิคส่วนตัว คุณสมชาย จึงบรรยายให้เห็นภาพที่ดูเหมือนง่ายว่า
"อาศัย ตื่นเช้าและกลับดึก การออกจากบ้านแต่เช้าทำให้มีโอกาสไปไกลกว่า และสามารถเพิ่มรอบการทำงานได้มากกว่าคนอื่น และต้องไม่มองว่าร้านนี้ซื้อเท่าไหร่ ผมขายให้หมด 10 ลังก็ขาย ครึ่งลังก็ขาย เวลาผ่านไปร้านไหน ต้องเข้าไปสวัสดีครับ เป๊ปซี่มาเยี่ยมครับ ทำอย่างนี้ทุกร้านต้องขายได้ทุกร้าน คนอื่นเขาอาจไปเยี่ยม 50-60 ราย ต่อวัน แต่ผมต้องเยี่ยมให้ได้ 300-400 ราย ต่อวัน"
คุณสมชายเป็นพนักงานขายดีเด่น ติดต่อกันนาน 3 ปี จึงตัดสินใจลาออก เพื่อ "ล่าฝัน" ครั้งยังเยาว์

"เป็นความฝันตั้งแต่เป็นเด็กว่าอยากเป็นเจ้าของบริษัทรถยนต์ เคยไปเกาะกระจกโชว์รูม แล้วคิดว่า จะทำอย่างไรถึงจะได้เป็น จนเข้ากรุงเทพฯ เห็นแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้าเต็มไปหมด เลยวิเคราะห์เองว่ารถแท็กซี่ต้องวิ่งวันละ 24 ชั่วโมง รถจึงต้องทนทาน ถ้าได้เป็นตัวแทนของโตโยต้า คงทำงานไม่ยาก เพราะผลิตภัณฑ์เขาดี" เจ้าของเรื่องราว เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มธุรกิจในฝัน
และ ก่อนก้าวขึ้นเป็นตัวแทนจำหน่าย คุณสมชายเคยทำงานเป็นเซลส์ขายรถยนต์โตโยต้าประจำดีลเลอร์แห่งหนึ่งในจังหวัด อุบลราชธานีมาก่อน แต่กว่าจะได้เข้ามาจับงานขาย ด้วยความที่จบเพียงชั้น ป.5 เขาจึงต้องเริ่มต้นด้วยการทำหน้าที่ปัดกวาดและทำงานทุกอย่างตามแต่เถ้าแก่ บัญชาเสียก่อน
ครั้นเมื่อวันเวลาผ่านไปได้ราว 15 ปี เขาจึงมีโอกาสผงาดขึ้นเป็น "เถ้าแก่" เองบ้าง
"พอ ถึงวันที่ทำได้อย่างฝัน เลยใส่ทุกอย่างเข้าไปเต็มที่ โชว์รูมของผม มีร้านอาหาร ห้องรับรอง ร้านเสริมสวย ร้านกาแฟ คาราโอเกะ เรียกว่าครบวงจร แต่เดิมมีพื้นที่ 22 ไร่เศษ ลงทุนไป 800 ล้านบาท และตอนนี้กำลังขยายไปอีก 60 ไร่" คุณสมชาย เล่าน้ำเสียงไม่โอ้อวด แต่ท้าทายต่อว่า
"ถ้าใครเจอโชว์รูมหรือศูนย์บริการที่ไหนดีกว่าของผม ผมให้แสนนึงเลย"


ดีเยี่ยม ไม่เป็นรอง
ที่หนึ่ง...เท่านั้น

ความมั่นใจว่าอาณาจักรของเขา "ดีเยี่ยม" ไม่เป็นรองใครนั้น คุณสมชายมีข้อมูลมายืนยัน โดยแจงให้ฟังดังตัวอย่าง
"ลูกค้า ที่มาซื้อรถที่ดีเยี่ยม จะรู้สึกเหมือนไปซื้อรถที่ห้างสยามพารากอน เพราะผมสร้างโชว์รูม ที่หรูหรา สง่างาม แค่เดินผ่านห้องน้ำ ฝาชักโครกยกขึ้นอัตโนมัติ น้ำไหลใส่มือไม่ต้องบิด ทุกอย่างอัตโนมัติหมด"

"โต โยต้าดีเยี่ยมไม่ได้ขายรถถูกกว่าตัวแทนจำหน่ายอื่น แต่ลูกค้าประทับใจในบริการ พอมาจอดรถปั๊บ เจ้าหน้าที่จะประกาศว่าขณะนี้มีลูกค้าท่านนั้นท่านนี้มาออกรถใหม่ ขอให้พนักงานทุกคนที่ว่างเว้นจากการทำงานมาร่วมพิธีส่งมอบรถ ซึ่งมีพนักงานมาร่วมส่งเป็นร้อยครับ" คุณสมชาย เล่าจบประโยคนี้ มีปฏิกิริยาตื่นเต้นจากคนฟังในวันนั้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนสำทับถึงความดีเยี่ยมในแบบของเขาต่อว่า

"ลูกค้า ที่มาซื้อรถ ต้องรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของโชว์รูมมูลค่านับพันล้านบาทที่เปิด 365 วัน จะมาเมื่อไหร่ก็ได้ มีคาราโอเกะ ร้านเสริมสวย ไว้คอยให้บริการฟรีหมด เขาต้องรู้สึกว่าเสียเงินซื้อรถแล้วคุ้มค่า แล้วเวลาลูกค้าเข้ามาหาโชว์รูม ไม่ต้องเดินนะครับ มีรถกอล์ฟพาเที่ยวชมแต่ละจุด เรียกว่าลูกค้าทุกคนเป็นวีไอพีเหมือนกันหมด"
สนทนา มาถึงตรงนี้มีคำถามทำไมต้องใช้คำว่า "ดีเยี่ยม" เจ้าของกิจการมูลค่าพันล้านบาท จึงอธิบายด้วยเสียงดังฟังชัดว่า เป็นความตั้งใจจริงของเขาที่ต้องการอยู่ใน "อันดับหนึ่ง" เท่านั้น ทั้งๆ ที่สมัยเรียนหนังสือเขาครองอันดับบ๊วยมาตลอด

"ตอน เปิดบริษัท มีการมอบนโยบาย ผมบอกกับลูกน้องว่า ต้องการที่หนึ่งอย่างเดียว ที่สองก็ไม่เอา ปรากฏว่าทุกคนในบริษัทออกอาการมึนงง และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะในประเทศไทยมีตัวแทนจำหน่ายโตโยต้าถึง 200 กว่าแห่ง"

"แต่ ผมก็ฝ่าฟันจากอันดับ 80 กว่ามาเป็น 50 กว่า เดี๋ยวนี้ขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งแล้ว หมายความว่าความพึงพอใจจากลูกค้าของผมมาเป็นอันดับหนึ่งครับ" คุณสมชาย เล่าก่อนยิ้มปลื้ม
ถาม ไถ่ถึงหลักในการบริหารคน คุณสมชายบอกเขามักพูดคุยให้คนที่เข้ามาสมัครเข้าทำงานเข้าใจว่า ชีวิตของทุกคนมีคุณค่าเหมือนกัน เมื่อเข้ามาแล้วทุกคนจะเป็นทั้งลูก ทั้งน้อง ซึ่งได้รับการดูแลอย่างดี แต่ทุกคนต้องตั้งใจทำงานด้วย
"ผม บอกลูกน้องเสมอว่าคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่สามารถเลือกเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่มีความมุ่งมั่น อะไรที่คุณกลัวอย่าไปกลัว ให้เดินเข้าหามันเลย"

"มี ช่างคนหนึ่งมาปรึกษาผม บอกทำงานอยู่ 3 ปี อยากเป็นเซลส์แต่ทำไม่ได้ ผมบอกยังไม่ลอง แล้วรู้ได้ยังไงว่าทำไม่ได้ ปรากฏเดือนแรกเขาขายได้ 22 คัน เดือนที่สองได้อีก เดือนที่สามก็ได้อีก เทคนิคที่ผมบอกเขาไปคือคุณต้องฉกฉวยโอกาส มาถึงแต่เช้า เที่ยงไม่กิน เย็นเพื่อนเลิกงานแล้ว ก็ยังไม่กลับรอจนค่ำมืด สุดท้ายช่างคนนั้นกลายเป็นท็อปเซลส์ไปเลย" คุณสมชาย เล่าให้ฟัง

ฉกฉวยทุกโอกาส
เชื่อมั่น ทำได้
บุคลิก โดดเด่นของนักธุรกิจพันล้านท่านนี้ที่มีการกล่าวขานกันมากในหมู่ผู้ใกล้ชิด นั่นคือการใส่ใจในรายละเอียด โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับ "คนรอบตัว" ในทุกระดับ

ยก ตัวอย่างเมื่อครั้งการก่อสร้างโชว์รูมใหญ่ที่สุดในเอเชียใกล้เสร็จ เขาถือโอกาสเชิญช่างอิฐ-หิน-ปูน-ทราย รวมถึงผู้รับเหมาทุกคนมารับเลี้ยงโต๊ะจีน เพื่อแทนคำขอบคุณที่ทุกคนมาช่วยสร้างให้ฝันของเขาเป็นจริง
"ผม บอกกับช่างทุกคนว่า หากไม่มีพวกท่านโชว์รูมของผมคงไม่มีทางสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง ก่อนจะออกใบประกาศให้พวกเขาเก็บไว้เป็นที่ระลึก หากวันไหนมีโอกาสผ่านไปมา สามารถเข้ามาเยี่ยมเยียนใช้บริการได้ทุกเวลา"
"ปรากฏช่างคนหนึ่งซาบซึ้งใจ อยากอุดหนุนผม จึงขอจองรถ 1 คัน กระทั่งจบงานเลี้ยง ผมขายรถให้กับผู้รับเหมาได้ทั้งหมด 55 คัน" คุณสมชาย เล่าเหมือนไม่ตื่นเต้น แต่ทำเอาคู่สนทนาตกใจแทบจะพลัดตกจากเก้าอี้เป็นครั้งที่สอง
ความ ละเอียดอ่อนของคุณสมชาย ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะช่วงเวลาที่เขากำลังมีความสุขกับอาณาจักรตรงหน้า แต่เขาก็ไม่เคยละเลย ระลึกถึง "ผู้มีพระคุณ" ซึ่งมีส่วนผลักดันให้เขาก้าวมาถึงฝั่งฝันดังเช่นทุกวันนี้
"ตอน จะเปิดโชว์รูมผมส่งจดหมายไปยังผู้มีพระคุณหลายๆ ท่าน ขอให้สละเวลามาเลือกรถไปใช้ตามชอบ โดยผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง แต่ทุกท่านไม่ขอรับ ให้เหตุผลกลับมาว่า ให้ผมเก็บเอาไว้ทำทุน"
"ช่วง ปีใหม่ผมจึงนำเงินสด 2 ล้านบาท ไปมอบให้กับพวกท่านอีก คราวนี้ทุกท่านรับไว้ แต่พอถึงเทศกาลตรุษจีน พวกท่านก็นำเงินก้อนนั้นกลับมามอบให้ผมเป็นแต๊ะเอีย" คุณสมชาย เล่า
ย้อน ถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งต้องฝ่าฟันมรสุม "ต้มยำกุ้ง" เมื่อครั้งปี 2540 คุณสมชาย ย้อนความทรงจำให้ฟังว่า ช่วงเวลานั้นสถาบันการเงิน 65 แห่งต้องปิดตัวลง นักธุรกิจแทบทุกวงการ ล้วนตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขา แต่หากมัวพร่ำบ่นว่าแย่ คงหมดกำลังใจไปนานแล้ว
"ผม ไม่เคยท้อ เพราะท้อแล้วไม่มีประโยชน์ ท้อแล้วมันทำให้หมดกำลังใจ เราต้องรีบอาบน้ำ แล้วเติมกำลังใจให้ตัวเองใหม่ เพราะคนเราขาดกำลังใจไม่ได้ ปัญหาคือความสำเร็จปลอมตัวมาทดสอบเรา เหมือนข้อสอบ" คุณสมชาย บอกจริงจัง ก่อนเผยกลยุทธ์เมื่อครั้งนั้น

"ช่วง เศรษฐกิจไม่ดี หลายคนคิดว่าไม่มีโอกาสเพราะตลาดเต็ม แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น กลับกันคือ ต้องเร่งขยายงาน เพราะคู่แข่งก็คือคู่แข่งอยู่ดี จึงต้องแตกต่างทำงานให้มากกว่าคนอื่น เมื่อมีคนตกงานมาสมัครงานกันมาก เลยสามารถคัดคนได้" คุณสมชาย เล่า ก่อนฝากมุมมองไว้ด้วยว่า คนที่ประสบความสำเร็จมักฉกฉวยโอกาสจากโชคร้าย แต่คนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าจะฉกฉวยในทุกโอกาส

แม้ จะจบการศึกษาในระบบเพียงแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หากแต่ว่ามาวันนี้ กลับได้เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โตไม่น้อยหน้าใคร คงมีใครหลายคนตั้งคำถามถึงเคล็ดลับในการทำงาน ซึ่งคุณสมชายมักแนะนำให้คนเหล่านั้นจุด "ไม้ขีดไฟ" ก้านแรกให้กับชีวิตของตัวเองเสียก่อน และต้องมีความเชื่อมั่นว่าหากคนอื่นทำได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนอย่างเราทำไม่ได้ จากนั้นจึงลงมือปฏิบัติทันที
"ผม มักบอกทุกคนว่าไม่มีใครชอบให้คนอื่นมาดูถูก แต่เราอย่าดูถูกตัวเอง ต้องบอกกับตัวเองว่าเราเป็นคนมีศักยภาพ พ่อแม่ยังรอความหวังจากเรา ญาติพี่น้องยังรอความหวังจากเรา"

"ถ้า เราไม่จุดไม้ขีดไฟชีวิตตอนนี้ หรือไม่ปรับปรุงตัวให้มีความแตกต่างจากคนอื่น ปีหนึ่งๆ มีคนจบปริญญาตรี 600,000 คน ที่พร้อมจะมาเป็นคู่แข่ง ฉะนั้น คุณต้องถีบตัวเอง ไม่มีใครเขาสร้างบริษัทมูลค่าร้อยล้านพันล้านบาท เพื่อรอให้คุณทำงานให้เรื่อยๆ เฉื่อยๆ หรอก"

"คน ที่รู้จักใช้เวลา คือคนที่รู้จักใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพราะเวลามันผ่านแล้วผ่านเลย ย้อนกลับมาไม่ได้ กลับมาเถิดวันวานมีแต่เสียงเพลง ชีวิตจริงมันไม่มีหรอกครับ" คุณสมชาย ฝากแง่คิดทิ้งท้ายอย่างนั้น

2553-10-21

เล่าเรื่องราว ไปวันๆ ...

ขออภัยที่หลายๆ วัน มักจะไม่ค่อยได้เขียนบล็อกน่ะครับ เพราะเริ่มมาช่วยงานที่บ้านเป็นครั้งคราว เนื่องจากพี่สาวที่ดูแลอยู่กำลังท้องแก่ และใกล้จะคลอดลูกแล้วล่ะครับ (กำลังจะได้หลานสาว) และวันนี้ก็เป็นหลายๆ วันอีกเช่นเคยครับ ที่มาประจำออฟฟิศที่บ้านครับ ซึ่งเมื่อวานก็ได้มีโอกาสได้ทำบุญซ่อมฉากกั้นอาบน้ำที่น้ำซึมในกุฏิ ถวายท่านสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อมฺพโร) ณ วัดราชบพิตรฯ ครับ ซึ่งนับว่าเป็นบุญอย่างมากที่ผมได้มีโอกาสเจอท่านอีกครั้งครับ รู้สึกทั้งยินดีและซาบซึ้งครับ ... ต่อมาก็ไปเอารถคุณพ่อไปอู่แถวๆ ร่มเกล้า เพื่อซ่อมสีเพิ่มเติม พร้อมเปิดเคลมล้อแม็กซ์ เพื่อให้รถที่ออกมานั้นสมบูรณ์ครับ

และแล้ววันนี้ก็เป็นโอกาสอันดีอีกเรื่องหนึ่งครับที่พี่สาวกระผมจะได้ของขวัญแต่งงานจากเพื่อนคุณพ่อที่ฮ่องกง ที่ไม่ได้เจอกันมานาน ซึ่งของขวัญก็ทำเอาทั้งพี่สาว และกระผม เซอร์ไพรส์ กันไปตามๆ กันครับ ... นั่นก็คือ iPad นั่นเองครับ ซึ่งของกำลังจะมาถึงภายในวันนี้ครับผม ... กำลังรอลุ้นระทึกว่าได้มาเมื่อไหร่ ก็จะเอาไปให้พี่ผมทันทีเลยครับ น่าตื่นเต้นมากๆ เลย เพราะยังไม่เคยมี iPad เป็นของตัวเอง แต่ใช้ BB กับ iPod Touch ไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกันครับ อิอิ :P

ส่วนในงานเรื่องการสอน ก็ยังดำเนินอยู่นะครับ เพียงแต่ช่วงนี้ปิดเทอมกันน่ะครับ และจะเปิดเทอมในวันอังคารหน้า (26/10/10) นี้แล้วครับ ... ก็ยังไงๆ หนูๆ ที่กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ ก็เตรียมตัวทบทวนตำราล่วงหน้ากันไว้ก็ดีนะครับ หรือไม่ก็หาหนังสือความรู้รอบตัวอ่าน และติดตามข่าวสารในเรื่องที่เป็นประโยชน์ (ยกเว้นข่าวการเมือง) เท่านี้ก็พอครับ ... ปัญหาเรื่องแบ่งเวลาเข้าใจกันว่าอาจทำไม่ได้กันทุกคน แต่ถ้า "ใจ" ของหนูๆ มาก่อนเนี่ย ผมเชื่อว่า ทุกคนทำได้ไม่ยากครับ

ปล. ขอแสดงความเสียใจกับบ้านของพี่น้อง หรือเพื่อนๆ หลายๆ ท่านใน 10 กว่าจังหวัด ที่น้ำท่วมในขณะนี้ และกำลังจะเข้าสู่กรุงเทพฯ (บ้านผม) ล่วงหน้าในเร็ววันด้วยครับ ... ขอให้เรื่องเลวร้ายจงผ่านพ้นไปอย่างด้วยดี และมีแต่ความสุขกันทั่วหน้าครับ สวัสดีครับ

2553-10-05

ชิวๆ ...

ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา งานโถมเข้าตลอด จนแทบไม่ได้พักกันเลย มีไปค่ายนักศึกษาทีต่างจังหวัดบ้าง ต่อมาก็เตรียมข้อสอบต่อ แต่ก็มีความสุขครับ ถือเป็นอะไรที่ชอบมากๆ เลย ... จนเวลาก็ล่วงเลยมาช่วงปิดเทอมซะแล้ว ... เลยถึงได้กลับมาเขียนใหม่ และวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ชิวๆ ไปเรื่อยเปื่อย ... เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข แต่ก็มีกิจกรรมทางมหาลัยบ้าง ในเดือนนี้ แต่รู้สึกเหงาอยู่เหมือนกัน เลยนั่งเล่น Facebook หนักไปหน่อย ... ช่วงนี้คงต้องเพลาๆ ลงบ้างแล้วล่ะครับ ... ไปทำกิจกรรมอื่นๆ ซะบ้าง อาทิ เล่นเกมส์ Console, ว่ายน้ำ, ทำบุญฟังธรรม + นั่งสมาธิ ... ประมาณนี้ครับ และหาเวลาเพิ่มเติมเอาสาระใหม่ๆ มาฝากกันในนี้กันดีกว่าครับ

สรุปว่ายุคสมัยนี้มี Social Network มากเกินไป กลายเป็นทำลาย Privacy ลงไปโดยไม่รู้ตัว ... เพลาๆ กันบ้างครับ

แล้วเจอกันทุกท่านครับ

2553-09-19

ประกาศขายของดีกว่า ...

ขาย นาฬิกา ก๊อป เกรด A ครับ

PATEK PHILIPPE NAUTILUS 5712 /1A JUMBO SIZE Power Reserve หน้าปัดดำ

ขออนุญาต ขาย นาฬิกา ก็อป เกรด A PATEK PHILIPPE NAUTILUS 5712 /1A JUMBO SIZE Power Reserve หน้าปัดดำ สภาพ 97%

ได้มาเก็บอย่างเดียว ใส่น้อยมากครับ เข็มวิอยู่ตรง 4 นาฬิกา เดินเหมือนของจริง ตัวงานสวย เนียนมากๆ ครับ ไร้ริ้วรอย

ตัวเรือนเป็น Stainless Steel แท้ทั้งเรือน มากับสายหนังดำๆ เท่ห์ๆ ครับ ตัวสายหนังสามารถปรับ ขนาดให้พอดีกับข้อมือได้ครับ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมมีดังนี้ครับ:

- ครึ่งวงกลม ด้านบน Power : Reserve สามารถ เก็บพลังงานได้จริง
- ฝาหลังโชว์กลไก การทำงาน มองเห็นเครื่องด้านใน
- เครื่อง JAPAN แท้อย่างดี เหมือนยี่ห้อ Seiko Citizen
- ตัวเรือนงาน Swiss เหมือนของจริงมากๆ น้ำหนักก็ใกล้เคียง
- เม็ดมะยม หลังสาย ปั๊มโลโก้ทุกจุด
- ฝาหลัง ขันเกลียว มียางกันน้ำ

รูปประกอบ






ราคาก็ตามที่ระบุเลยครับ 3,100 บาท ถ้วนครับ ถ้าสนใจจะต่อรองราคาก็โทรมาสอบถามได้ครับ

ติดต่อ โจ้ 081-649-6110

2553-08-10

【PV】 あなたに伝えたい / 榎本くるみ

ฟังเพลงนี้ทีไร โดนใจทุกทีเลยครับ เอามาให้ท่านผู้อ่านได้ลองฟังกัน

เพลงนี้ภาษาไทย แปลว่า อยากจะช่วยเธอ ของ เอโนโมะโต คุรุมิ

2553-08-09

ปวดต้นคอเหลือเกิ๊นนนนน ....

เมื่อเช้านี้ ไม่รู้นอนอีท่าไหน คอดันเคล็ด เลยปวดทั้งวันเลยล่ะครับ จะหันคอไปทางซ้ายทีขวาที ก็ลำบากสุด หายาทานก็ยังไม่ค่อยจะบรรเทาเท่าไหร่ แต่พอมาขออากู๋ (Google) ช่วยไขปัญหาให้กับเรา คราวนี้ก็เจอเรื่องขออาการปวดต้นคอยันไปถึงไหล่ และมีแนะนำวิธีบรรเทาเบื้องต้น และรักษาอย่างถูกวิธีด้วย โดยลิ๊งค์นี้น่าสนใจมากๆ ครับ เลยเอามาให้ท่านผู้อ่านที่สนใจ หรือกำลังปวดต้นคอแบบผมได้ชมกันครับ

ปวดต้นคอ ทำอย่างไร?

สาเหตุของการปวดคอที่พบบ่อย
1. อิริยาบถ หรือ ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น
-การแหงนหน้า หรือ ก้มหน้าทำงานทั้งวัน เช่น ผู้ทำงานเย็บจักร ซักผ้า เขียนหนังสือ ช่างซ่อมรถ
-นอนในท่าที่คอพับ หรือ บิดไปข้างใดข้างหนึ่ง นอนหนุนหมอนที่สูง หรือ แข็งเกินไป
2.ความเครียดทางจิตใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อคอ ทำให้มีอาการปวดต้นคอ ปวดศีรษะบริเวณท้ายทอย ภายหลังจากการทำงาน หรือภายหลังจากมีปัญหาขัดแย้ง
3.อุบัติเหตุ ที่ทำให้มีการเคลื่อนไหวของคอมาก หรือ รวดเร็วกว่าปกติ ทำให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นฉีกขาด หรือ กระดูกคอเคลื่อน
4.กระดูกคอเสื่อม ซึ่งพบได้ในผู้ที่สูงอายุทุกคน แต่มีบางคนเท่านั้นที่มีอาการมากจนต้องได้รับการรักษา สำหรับการเอ๊กซเรย์กระดูกคอจะพบว่ามีกระดูกงอกที่บริเวณขอบ ๆ ข้อต่อ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สามารถพบได้ในคนสูงอายุทั่วไปที่ไม่มีอาการเลยก็ได้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเอ๊กซเรย์ทุกคน
5.ข้ออักเสบ เช่น ในผู้ป่วยที่เป็นโรค รูมาตอยด์
6.กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร จะมีอาการปวดในกล้ามเนื้อ และปวดมากขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อนั้นถูกใช้งาน รู้สึกว่า กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีบริเวณที่กดเจ็บชัดเจน และอาจจะคลำได้ก้อนพังผืดแข็ง ๆ ในบริเวณที่กดเจ็บ

การรักษาเบื้องต้น
1.พยายามพักผ่อนให้มาก ทางที่ดีควรนอนราบ หนุนหมอน ซึ่งหมอนที่ดี ควรมี
- ความนุ่มและยืดหยุ่นสามารถแนบส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณส่วนโค้งของก้านคอ
- ความหนาที่พอเหมาะ เมื่อนอนหนุนหมอนแล้วมองด้านข้างคอจะอยู่ในแนวตรง คอไม่แหงน หรือไม่ก้ม
2.ประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำอุ่น โดยใช้น้ำแข็งทุบใส่ในถุงพลาสติกแล้วห่อด้วยผ้าขนหนู หรือ ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น ประคบประมาณ 10 -15 นาที
3.รับประทานยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล แอสไพริน ทุก 4 - 6 ชั่วโมง อาจใช้ครีมนวดแก้ปวด ก็ได้แต่ต้องระวังอย่านวดแรงเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อฟกช้ำมากขึ้นไปอีก
4.ทำกายภาพบำบัด
-บริหารกล้ามเนื้อคอ
-ใส่ปลอกคอ ซึ่งใช้เฉพาะรายที่จำเป็นเท่านั้น
-ถ่วงน้ำหนักดึงกระดูกคอ
-ประคบบริเวณที่ปวดด้วย ความร้อน ความเย็น หรือ คลื่นเสียงอัลตร้าซาวน์

อาการปวดมักจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน แต่ยังไม่หายสนิทให้กินยาแก้ปวดต่อไป และ ฝึกการบริหารเพื่อให้คอเคลื่อนไหวดีขึ้น และ ออกกำลังกล้ามเนื้อคอ ให้แข็งแรงมากขึ้น

ถ้าอาการต่อไปนี้ควรปรึกษาแพทย์
1. มีอาการปวดร้าวไปที่ไหล่ แขน โดยอาจจะมีอาการชา หรือ กล้ามเนื้อมืออ่อนแรง ร่วมด้วย
2. มีอาการอ่อนแรงของขา เวลาเดินรู้สึกว่าขาจะสั่น ๆ หรือ รู้สึกขา กระตุก ๆ
3. กลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะ ไม่ได้ ทำให้มีอุจจาระ หรือปัสสาวะราด
4. อาการปวดไม่ดีขึ้น หรือปวดเพิ่มมากขึ้น

การป้องกันอาการปวดคอ
1.ระวังอิริยาบถ หรือ ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง
-อย่าให้คอต้องก้ม-เงย นานเกินไป หรือ ก้ม-เงย บ่อยเกินไป ควรหยุดพักเพื่อบริหารกล้ามเนื้อคอ หรือเคลื่อนไหวคอสัก 2 - 3 นาทีทุก ๆ ชั่วโมง
-การนอนควรนอนบนที่นอนแข็งพอสมควร นอนหนุนหมอนที่นุ่มและยืดหยุ่นพอที่จะแนบส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณส่วนโค้งของก้านคอและมีความหนาพอเหมาะ ที่จะทำให้คออยู่ในแนวตรงเมื่อมองจากด้านข้าง ไม่ทำให้คอแหงนหรือก้มมากเกินไป อย่านอนคว่ำอ่านหนังสือหรือดูทีวี
2.หมั่นออกกำลังกล้ามเนื้อของคอทุก ๆ วัน ให้บ่อยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ( ทำมากได้มาก )
3.พยายามลดความเครียดจากชีวิตประจำวัน โดยการออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อจะได้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี

การบริหารกล้ามเนื้อคอ
1. ทำให้กล้ามเนื้อคอเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
ก้มและเงยหน้า ก้มหน้าให้คางจรดกับอก แล้วค่อย เงยหน้าให้แหงนไปด้านหลังให้มากที่สุด
ตะแคงซ้ายขวา หน้าอยู่ตรง ๆ ตะแคงซ้าย พยายามให้หูจรดไหล่ซ้าย โดยไม่ยกไหล่ กลับที่เดิมแล้วตะแคงขวาให้หูจรดไหล่ขวาโดยไม่ยกไหล่ หันหน้าซ้ายขวาหมุนศีรษะให้หน้าหันไปด้านซ้าย ให้ปลายคางอยู่ในแนวเดียวกับไหล่ซ้าย แล้วหมุนกลับไปด้านขวาให้ปลายคางอยู่ในแนวไหล่ขวา
2. ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรงขึ้น โดยเกร็งกล้ามเนื้อ-คอ ประมาณ 10 วินาที (นับหนึ่งถึงสิบ) ทำซ้ำ 10 ครั้ง พยายามทำโดยให้คอและหน้าอยู่ในแนวตรง
ก้มคอ ใช้ฝ่ามือดันที่หน้าผากต้านกับความพยายามที่จะก้มศีรษะลง นับหนึ่งถึงสิบ
เงยหน้า ใช้ฝ่ามือประสานกัน ที่บริเวณเหนือท้ายทอยแล้วดันมาข้างหน้า ต้านกับความพยายามที่จะแหงนหน้าไปข้างหลัง นับหนึ่งถึงสิบ ตะแคงคอ ใช้ฝ่ามือซ้ายดันที่ข้างศีรษะเหนือหูซ้าย ต้านกับความพยายามที่จะตะแคงศีรษะไปด้านซ้าย นับหนึ่งถึงสิบ แล้วสลับกับด้านขวาทำแบบเดียวกัน หันหน้า ใช้ฝ่ามือซ้ายดันที่ข้างศีรษะหน้าหูซ้ายต้านกับความพยายามที่จะหันหน้าไปด้านซ้าย นับหนึ่งถึงสิบ แล้วสลับกับด้านขวาทำแบบเดียวกัน

โดย นพ.พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ
เครดิต: Thai clinic

2553-08-06

เพลงเพราะๆ

วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร ได้ยินเพลงนี้ที่เพื่อนผมเปิดให้ฟังทีไร ติดใจทุกที ... ลองฟังดู ไม่รู้ว่าหลายๆ คนชอบเหมือนผมรึเปล่า


เกมส์ ดูทีวีออนไลน์ รูปดารา โค้ดเพลง ฟังเพลงออนไลน์

2553-08-04

เรื่องของความเครียด

สองคืนแล้วครับ หลังจากสอบมิดเทอมผ่านพ้นไป งานก็เข้ามาพอสมควรเลยทีเดียวครับ เลยเป็นที่มาของความเครียดเล็กๆ เลยเผลอหลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว (อีกแล้ว) =[]= จึงทำให้พลาดการเขียนอะไรบางอย่างไปพอสมควรเลยทีเดียว แต่ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่อยากเตือนให้ท่านผู้อ่าน ก็ระวังเรื่องสุขภาพกันเล็กน้อยครับ อย่าหักโหมกับงานมากจนเกินไปครับ เดี๋ยวจะวูบแบบผม แถมตื่นขึ้นมายังมึนๆ อีกต่างหาก ... คราวนี้ก็ตื่นแล้วแระ มาปั่นงานกันต่อ ... ปั่นๆๆๆๆๆ -.-

2553-07-31

Announcement: Field Trip to Thai Technical Department, Thai Airways International Public Company Limited - For AU Students

Topic : IT with TG

Date : Wednesday, August 18, 2010.
Time : 12:30-17:00 (Coach will be available @ Huamark Campus for Transportation at 12:30) (Meeting Point : 1st Floor, D Bldg.)
Venue : Thai Technical Department (Suvarnabhumi Airport)

Place / Topic to be visited:

- SAP Systems for using with an aircraft maintenance.

- Aircraft Monitoring Systems for checking the Thai's aircraft status around the world (Only for Thai fleets).

- Hangar (The largest hangar in Southeast Asia which can simultaneously accommodate three extra wide-body aircraft maintenance such as Airbus A380.)

- Inventory management systems for the aircraft parts

- Working environments of Aircraft maintenance engineer (AME)

- etc.


Limited person: 50 Seats

For more reservation ...
Contact: P'Aoi (SCIT BLDG Fl.5)
TEL: 086-509-9137

2553-07-30

ธรรมมะ เล็กๆ น้อยๆ ครับ...

เมื่อวานดันลืมอัพซะสนิท = = เจองานเข้าเลยเกิดอาการมึนงง @w@ กลับถึงบ้าน กินข้าวเสร็จ หัวถึงหมอน ดันหลับไม่รู้ตัว - -' ตื่นมาอีกทีตี 1 กว่าๆ ... เลยมานั่งพิจารณา แล้วนึกขึ้นได้อยู่เรื่องนึงครับ ตอนนั่งคุมสอบไป ก็ได้พกหนังสือ "คู่มือสวดมนต์ วิธีแก้กรรม สะเดาะเคราะห์" ไปอ่านด้วย นั่งอ่านไปๆ มาๆ ก็ไปเจอหัวข้อนึงที่น่าสนใจครับ เลยเอามาเผยแพร่เป็นธรรมทานมาให้ท่านผู้อ่านได้ชมกันครับ

เรื่องนี้มีชื่อว่า ... 10 ข้อที่ต้องทำ
1. เกิดเป็นคน จึงต้องทำ
2. ทำไม่เป็น ต้องหัดทำ
3. หัดเป็นแล้ว ต้องทำเอง
4. ทำไม่คล่อง หมั่นหัดทำ
5. คิดจะทำ ทำทันที
6. สมควรทำ รีบไปทำ
7. ยามจน ยิ่งต้องทำ
8. ยามรวยย้ำ ทำต่อไป
9. ทำไม่ดี รีบแก้ไข
10. ทำจนตาย ไม่ต้องทำ

ซึ่งได้นั่งอ่านเป็นข้อๆ แล้วมานั่งคิดๆ ดู มันเป็นความจริงล้วนๆ เลยล่ะครับ ... จริงแท้ครับว่า คนเราเกิดมามีมือมีเท้า แรกๆ ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พอทำไปเรื่อยๆ มันก็จะเป็น เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับ 10 ข้อที่กล่าวมา เลยฝากเป็นข้อคิดไว้ ณ ที่นี้ครับ ... สาธุ _/|\_

2553-07-28

วันคุมสอบวันแรก ...

วันนี้เป็นวันคุมสอบวันแรกของกระผมนาย Joei อีกแล้วครับท่าน จะว่าไปแล้วเวลาเราจะทำไรบางอย่าง บางครั้งก็ไม่ค่อยได้ดั่งใจเท่าไหร่ (จิงๆ นะ) อย่างเช่น จะตื่นแต่เช้าซะหน่อย ซักตีห้าเกือบๆ หกโมงยังไงยังงั้น แต่แล้วก็หลับเพลินไปจนถึง หกโมงครึ่ง ตื่นนอนขึ้นมาดูนาฬิกา BB อีกทีนึง ... โอ้วพระเจ้าจ๊อด สายแล้ววว ... ว่าแล้วล่ะครับ เลยต้องรีบไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แต่งตัว อย่างเร่งด่วน เสร็จแล้วพกน้ำนมข้าว V-Fit (เจ้าเก่า) ไป 1 กล่อง ลงไปข้างล่าง ก็ต้องตั้งคอมเล่นหุ้นให้คุณพ่อต่อ ... เสร็จแล้วก็เร่งเครื่องออกจากบ้านเลยครับ ...

แต่ทว่า ... ต้องเจอมรสุมหลายอย่างพอตัวเลยครับ อาทิ รถติดช่วงเช้า ต้องฝ่าด่านอรหันต์ กว่าจะรอดออกมาจากแถวบ้านจนกระทั่งไปทางมอเตอร์เวย์ ก็นึกว่าสบายแล้วแหละ ... ขับๆ ไปเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เอ๊ะยังเช้าอยู่เลย ทำไมมันมืดเร็วจังเนี่ย เลยลองแหงนหน้าไปมองบนท้องฟ้า ... โอ้โห! เอาล่ะครับ เมฆลูกเบ้อเริ่มมาจากไหนกันล่ะคร้าบบบ พี่น้อง ... และแล้วมันก็เริ่มลอยมาเรื่อยๆ แถมยังขนลุกขนพอง ขยายตัวได้อย่างกับปลาปักเป้าอีก จะทำยังไงกันดีล่ะทีนี้ ... จากนั้นก็ โอ้ว! คุณพระช่วย ฝนตกเป็นห่าใหญ่เลยครับ ... หนักมากๆ ขับรถต้องชะลอลงอย่างรวดเร็วเลย ... เสียดายนึกว่าจะได้รีบไปถึงที่หมายล่วงหน้า ... แต่แล้วกลายเป็นเต่าคลานต้วมเตี้ยมไปถึงที่แทน อิอิ ... เซ็งเลยครับท่านผู้อ่าน แต่แล้วก็ผ่านไปอย่างด้วยดีครับ เพียงแต่ช่วงเช้าวุ่นวายนิดหน่อย แต่เที่ยงๆ กับบ่ายๆ โอเคครับ สบายโลด ... ก็มาเล่าสู่กันฟังเพียงเท่านี้ครับผม ^__^

2553-07-27

รูปจิปาถะ งานใส่บาตรดอกไม้ ที่วัดบวรฯ 2010.07.27

กลับมาแล้วคร้าบบบ วันนี้กระผมนาย Joei กลับมาถึงบ้านได้ซักพักแล้ว รู้สึกเหนื่อยพอตัว แต่ก็อิ่มใจครับ เพราะวันนี้เป็นวันหยุดสุดท้ายพอดี ก่อนที่พรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวไปคุมสอบครับผม ... เอ้ามาเข้าเรื่องกันเถอะครับ หลังจากบทความตอนที่แล้วที่ได้เกริ่นไปนั้นเพื่อต้องการมาต่อเรื่องในวันนี้ครับ งานนี้ก็คือ "งานใส่บาตรดอกไม้" ครับ ซึ่งจัดขึ้นที่วัดบวรฯ ช่วงวันเข้าพรรษา เป็นประจำทุกปี เวลาเริ่มจริง 16:00 น. และมีพระบรมศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินยังวัดแห่งนี้ด้วย

ส่วนตัวกระผมกับคุณแม่ก็เตรียมการ เริ่มจากขับรถออกจากบ้านไปถึงปากคลองตลาดเวลาประมาณ 11 โมง เพื่อไปหาซื้อดอกไม้สดๆ เป็นเวลาประมาณ 1 ชม. แล้วก็ขับรถกลับมายังที่วัดบวรฯ ประมาณเที่ยงครึ่งได้ ซึ่งของที่เตรียมการก็จะเป็นแบบนี้ครับ

ชุดถวายเทียนพรรษา (เอาไปถวายก่อน)


ชุดดอกไม้ที่ต้องเอาไปใส่บาตร (ในย่ามพระ)


จากนั้นก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ โดยคุณแม่ผมจะไปเด็ดใบไม้และตัดแต่งเอาหนามออก ... ส่วนผมก็ไปช่วยอาม่าพับกลีบดอกบัวครับ


ส่วนนี่คืออาม่าผมครับ แกขะมักเขม้นมากเลย อิอิ


หลังจากช่วยทำเสร็จแล้ว ทางโน้นก็เริ่มจัดข้าวจัดของ (ตอนนั้นยังบ่ายโมงกว่าๆ อยู่เลย) ตัวผมก็ลองไป Survey บริเวณหา Location ดูครับ ซึ่งในเวลานั้น ยังโล่งอยู่ คนยังมาไม่ครบครับ


ไปดูมุมด้านหน้ามั่ง


หลังจากได้ Location ดีๆ แล้ว ก็ขอนางแบบทั้งสามกับช่อดอกไม้หน่อย แช๊ะ !!! (คนกลางนั่นเพื่อนผมเองครับ ชวนมาด้วย สวยใช่ม้า)


เอ้าพระเอกขอถ่ายรูปด้วยคน (หลงตัวเองจริงๆ อิอิ)


ขอขอบคุณพี่ท่านนึงมากๆ เลย ที่อุปการะให้กับการถ่ายรูปรวมด้วยนะครับ ... ครบทีมเลย !!!


กลับมาถ่ายดอกไม้กันดีกว่า ... อันนี้คือ ชุดดอกกุหลาบ ครับ


ส่วนชุดนี้ก็คือ ดอกพุท ดาวเรือง มะลิ และดอกเข็ม


คราวนี้ตา นางแบบจำเป็นของเราบ้างครับ (คุณเธอเค้า Request มา อิอิ)


เอ้าลืมไป (มองนางแบบเพลิน เลยทำหน้าเพลินตาม) ... มาดูกันอีกชุดนึงครับ ดอกบัวขาว/ชมพู กับดอกกุหลาบสีแดง


กลับไปที่นางแบบจำเป็นของเราอีกครั้งครับ คราวนี้โพสต์ท่าไม้ตายซะด้วย


เสร็จจากรูปสวยๆ งามๆ พอหอมปากหอมคอแล้ว ก็มาดูวิธีจัดดอกไม้เตรียมกันที่จะใส่บ้างครับ ก็กะว่าจะเริ่มใส่ดอกเข็มก่อน แล้วก็ค่อยๆ ทยอยใส่ตามนี้ (กำซะแน่นเชียวกลัวร่วง)


ซึ่งดอกไม้ในกระจาดที่เตรียมนั้น วิธีการก็ไม่ต่างจากวิธีใส่บาตรครับ กล่าวคือ ต้องจับของสิ่งนั้นแล้วอธิฐานแต่สิ่งดีๆ ก่อนที่จะใส่ครับผม

หลังจากนั้น ... ก็ล่วงเลยมาช่วงเย็นๆ แล้วล่ะครับ ได้เวลางานแล้ว คร้าบบบ !!!


พระท่านเดินผ่านตามทาง ถือย่ามเพื่อให้คนใส่ดอกไม้ในย่ามครับ


สุดท้าย พระทุกองค์ก็เดินทางเข้าไปยังพระอุโบสถ เพื่อไปเริ่มพีธีสวดมนต์ กับพระบรมศานุวงศ์ ในนั้น ครับ


สรุปหลังจากใส่บาตรดอกไม้เสร็จแล้ว ก็เก็บข้าวของกันครับผม แล้วก็กลับบ้าน ถึงซะราวๆ เกือบทุ่มนึงครับ ถือเป็นงานๆ หนึ่งที่ไม่ควรพลาดจริงๆ ครับ เพราะปีนึงมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นครับ ซึ่งถ้าไม่ได้มา ก็อาจชวดไปถึงปีหน้าเลยก็ได้ครับ

ปล. ขอบคุณ Oilly na มากๆ ครับที่เป็นนางแบบรับเชิญในครั้งนี้ด้วย

วันหยุด แล้วก็ วันหยุด....

หยุดติดต่อกันมาจนถึงวันสุดท้ายแล้วครับ ... (หลายท่านคงอาจเป็นเมื่อวาน แต่ผม 4 วัน อิอิ) ก็ชิวๆ เรื่อยๆ ตามประสาคนทั่วไปครับ เริ่มจากเมื่อวานก่อนเลยครับ เช็คเว็ปบอร์ดเจ้าประจำก่อน กินข้าวแล้วก็ เตรียมการเรียนการสอนครึ่งแรก แต่แล้วคุณแม่ก็เรียกชวนไป ทั้งทานข้าวกลางวันข้างนอก แล้วก็ซื้อของเตรียมใส่บาตรดอกไม้ที่วันบวรฯ ในวันเข้าพรรษา (พรุ่งนี้) ผมก็พาคุณแม่ไปทานข้าวกลางวัน มีสองร้าน เอาร้านแรกก่อนนะ Grey Hound ตรง Avenue ทองหล่อ ซ.15 อ่ะครับ ก็ได้มีโอกาสเลี้ยงคุณแม่นานๆ ที ก็จัดไปครับ

แล้วก็ต่อมาไปกินขนมหวานที่ After U ต่อ ในร้านคนเบียดกันเยอะพอสมควรเลย (รวมถึงสาวๆ ด้วย เพราะร้านนี้เป็นที่โปรดปรานของสาวๆ หลายท่านอยู่) ก็รอคิวจนได้ที่นั่งครับ สั่ง Nuttella Toast 1 ที่ มาทาน หลังจากได้ทาน รสชาติยังหอมหวานเหมือนเดิมจริงๆ ครับ (ไม่ได้ทานมานาน)

จบจากตรงนี้ก็ออกเดินทางต่อครับ ไปซื้อของเตรียมจะไปถวาย ตามมาด้วยกับข้าวจะไปทำที่บ้านต่อ ก่อนจะกลับบ้านฝนตกดังซู่เลยครับ เลยเปียกพอตัวอยู่ พอมาถึงบ้านก็ทานข้าวเย็นตามปกติ แล้วก็เตรียมการเรียนการสอนครึ่งหลัง สรุปเตรียมไปได้ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ ค่อยยังชั่วหน่อย จากนั้นก็แวะบอร์ดประจำต่อ แล้วก็นอนครับ

พอดีเดี๋ยวมาต่อวันนี้อีกทีนะครับ คุณแม่เรียกไปซื้อดอกไม้แล้วววว .... เจอกันครับ

2553-07-26

ฝากประชาสัมพันธ์เล็กๆ น้อยๆ ครับ ...

มีปัญหาเรื่องสุขภาพปรึกษาเธอได้นะครับ (เพื่อนผมเอง) เอามาฝากกันให้โหลดไปดูครับ
จิ้มตรงนี้

OMEGA Museum Trip & Siam Naliga Meeting ครั้งที่ 9 (17.07.2010) - ตอนที่ 1

เป็นรูปของเมื่อวานครับ ที่มี Trip พิเศษ โดยช่วงเช้า ไป OMEGA Museum ก่อน และ ค่อยกลับไปงาน SNG Meeting ช่วงเย็นๆ ครับ ... มาชมกันครับ (ขออภัยที่บรรยายไม่เก่ง สู้เฮีย non เค้าไม่ได้ อิอิ)

ทริปนี้ก็เริ่มกันช่วงเช้าๆ นี่แหละครับ มากันถึงหน้าบ้านพี่ apic001 เค้า ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี พอได้ขึ้นไปชมของพี่เค้าจริงๆ ก็ทึ่ง กับห้องที่ทำขึ้นมาใหม่ ... สวยกว่าเดิม (ผมมาครั้งแรกนะครับ ทริปก่อน ดูรูปจากในนี้เอา) เข้ามาปุ๊บ ... ก็ได้เหลือบไปเห็นโต๊ะประชุม งามๆ ก่อนเป็นอันดับแรก ก็เลย ... แช๊ะ ตามนี้



แล้วก็แหงนหน้าขึ้น ... เอ๊ะ นี่ ... มัน คือ ... เพดานสุดอลังการ



หันลงไปข้างล่าง ... เรือนกลาง นี่ มัน ...



ครั้งนี้เป็นบุญตา จริงๆ ที่ได้เห็น OMEGA อุกกาบาต ที่เค้าพูดถึงกัน ด้วยครับ



แถมยังสรรหาของแบบนี้ได้อีก



กลับมาที่โต๊ะประชุมอีกทีนึง ... เหลือบไปเห็นเรือนนี้ครับ สวยมากๆ



แล้ว ... ก็ตามมาด้วยเรือนในตำนานเล่าขาน



เหลี่ยมๆ ยังมีเลยนะเนี่ย



ตามมาด้วย สามใบเถา ... (คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน)



และแล้ว ที่ขาดไม่ได้ก็คือ ... เจ้า Proprof !!!!



แถมด้วย เจ้าหน้าไข่



แว๊ปไปดู Vintage กะเค้าหน่อย ... ดูไปดูมา เพลินตาจริงๆ ครับ



เรือนนี้ของ FIFA ครับ



ต่อมาก็เป็นของ Olympic ... เป็นชุดจับเวลาของเค้าครับ



มามะ ... เราไปย้อนยุคกันเถอะ ... Classic มากๆ ครับ




... ชะแว๊ป ไปนิดครับ เดี๋ยวกลับมา ต่อ ...

2553-07-25

หายไป 2 ปี .... กลับมาแล้วจ้าาาาาา !!!

สวัสดีทุกท่าน กลับมาพบกับกระผมนาย Joei กันอีกครั้งครับ ครั้งแรกนั้นก็เปิดเอาไว้เฉยๆ ทดสอบถ่ายอัพรูปจากมือถือดูบ้าง แต่คราวนี้คงเอาจริงเอาจังหน่อย เพราะเริ่มมีเวลามานั่งบันทึกไดอารี่ส่วนตัวกันบ้าง โดยปกติก็เป็นคนไม่ค่อยชอบเขียนไดอารี่เท่าไหร่หรอกครับ แต่แล้วเวลามันหมุนผ่านไปรวดเร็วตลอดเวลาจริงๆ ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีเราจะได้จำสิ่งที่เราทำไปแล้วอีกทีเมื่อไหร่ ... คราวนี้ผมคงต้องทำบ้างแล้วล่ะครับ ไม่ว่าจะเผชิญกับเรื่องใดๆ ก็ตาม หรือไปเที่ยวไหนก็ตาม ก็จะอัพๆๆๆๆ ให้ทุกท่านได้อ่านกันนะครับ และแน่นอน Blog นี้ก็ต้องมีของส่วนตัวที่ผมโปรดปรานอยู่บ้าง นั่นก็คือ นาฬิกา หรือ Watch นั่นเอง และได้เป็นสมาชิกส่วนหนึ่งในบอร์ดสยามนาฬิกา (จิ้มเลย) อีกด้วย ... แต่ก็แน่ๆ ครับ ก็คงจะอัพเรื่องราวส่วนตัวนิดๆ หน่อยๆ และแน่นอนทุกๆ วัน ชีวิตก็เป็น routine จิงๆ แต่มันคงน่าเบื่อแน่ๆ ถ้าเราจะบอกเล่าอะไรซ้ำๆ เดิมๆ ... ดังนั้นมาทำอะไรหลากหลายให้มันสนุกกันดีกว่าครับผม